Black Ribbon Top Left

ปัญญาชนสาธารณะขอพาทุกคนมาไขข้อข้องใจ : ต้องเสียภาษีไหมหากเข้าโครงการ คนละครึ่ง? (EP.1)

   11 พ.ย. 68  /   15

ปัญญาชนสาธารณะขอพาทุกคนมาไขข้อข้องใจ????

???? ไขข้อข้องใจ: ต้องเสียภาษีไหมหากเข้าโครงการ "คนละครึ่ง"? (EP.1)

????จากกระแสข่าวที่กระทรวงการคลังออกมาชี้แจงในประเด็นการตรวจสอบภาษีจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ข้อมูลว่ารัฐบาลได้ตกลงร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการรักษาความลับของข้อมูลผู้ประกอบการและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการอย่างเคร่งครัด โดยยืนยันว่า ข้อมูลที่ใช้ในโครงการจะถือเป็นข้อมูลลับ ไม่มีการเปิดเผยให้บุคคลภายนอก และที่สําคัญจะไม่มีการส่งต่อข้อมูลให้กับกรมสรรพากร ไม่ว่าจะเพื่อการตรวจสอบภาษีย้อนหลังหรือในวัตถุประสงค์อื่น (ที่มา : Facebook สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย) ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นที่กังวลใจของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไม่น้อยว่าแท้จริงแล้วภาครัฐยังคงมีสิทธิในการได้มาซึ่งข้อมูลรายได้จากการประกอบกิจการของตนเองหรือไม่

????ต่อประเด็นปัญหาดังกล่าว หากพิจารณาบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พบว่า กรมสรรพากรมีเครื่องมืออื่นที่สามารถตรวจสอบรายได้ของผู้เสียภาษีได้อยู่ก่อนแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องอ้างอิงข้อมูลจากโครงการคนละครึ่งพลัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลไกตามพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 หรือ ภาษี e-Payment ที่ได้ประกาศใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน (เช่น mPAY, TrueMoney, Rabbit LINE pay) จะต้องส่งข้อมูลบัญชีที่เข้าเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 ลักษณะนี้ ให้กับกรมสรรพากร คือ 1) บัญชีที่มีธุรกรรมฝาก/รับโอนเงินตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป หรือ 2) บัญชีที่มีจำนวนครั้งของการฝาก/รับโอนเงิน ตั้งแต่ 400 ครั้งขึ้นไป และมียอดรวมตั้งแต่ 2,000,000 บาท ขึ้นไป ทั้งนี้ การนับยอดการทำธุรกรรมจะนับในลักษณะแบบปีต่อปี โดยจะทำการนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปีนั้นๆ ซึ่งข้อมูลที่ส่งจะแยกเป็นรายสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (แยกแต่ละธนาคาร) ไม่ได้รวมข้อมูลหรือเชื่อมโยงกัน แม้จะมีชื่อเจ้าของบัญชีเดียวกันก็ตาม นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังสามารถตรวจสอบข้อมูลจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TikTok Shop, Shopee, Lazada, Grab, LINE, LINE MAN โดยอาศัยอำนาจตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษ ซึ่งกำหนดให้แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่จดทะเบียนในไทย และมีหรือเคยมีรายได้ในรอบบัญชีเกิน 1,000 ล้านบาท ต้องทำบัญชีพิเศษ หรือบัญชีที่แสดงข้อมูลรายรับของอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่ได้รับจากผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่ขายสินค้าหรือบริการบนแพลตฟอร์ม โดยต้องนำส่งไปให้กรมสรรพากร ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งมีผลบังคับใช้สำหรับการส่งข้อมูลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ทำให้กรมสรรพากรสามารถเข้าถึงข้อมูลรายได้ของร้านค้าบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้โดยตรง รวมถึงยังมีการสำรวจภาคสนามในพื้นที่ร้านค้าตั้งอยู่ ตลอดจนการแจ้งเบาะแสจากประชาชนทั่วไปผ่าน “ระบบแจ้งเบาะแสหลีกเลี่ยงภาษี” บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ในกรณีที่พบความไม่ถูกต้องในการเสียภาษี หรือพฤติการณ์ที่มีการหลีกเลี่ยงภาษีในลักษณะต่าง ๆ และที่สำคัญคือ ข้อมูลจากระบบ Big Data Analytics ที่กรมสรรพากรได้เริ่มนำมาใช้ในการคัดแยกผู้เสียภาษีกลุ่มดีและผู้เสียภาษีกลุ่มเสี่ยง โดยอาศัยข้อมูลจากที่เจ้าหน้าที่สรรพากรบันทึกไว้เอง รวมถึงข้อมูลภายนอก เช่น การทำ Web Scraping ซึ่งเป็นการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อาทิ ราคา จำนวนสินค้าที่ขาย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ากรมสรรพากรมีเครื่องมืออื่นที่สามารถตรวจสอบรายได้ของผู้เสียภาษีได้อยู่ก่อนแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องอ้างอิงข้อมูลจากโครงการคนละครึ่งพลัสแต่อย่างใด

????ส่วนอำนาจในการตรวจสอบภาษีย้อนหลังของกรมสรรพากรนั้น กรณีที่ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีแต่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ประมวลรัษฎากร มาตรา 19 ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้ไม่เกิน 2 ปี แต่หากพบเหตุอันควรสงสัยว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี อาจขยายระยะเวลาเป็น 5 ปี และในกรณีที่ไม่ยื่นแบบภาษีเลยหรือมีเจตนาหนีภาษีอย่างชัดเจน มาตรา 23 กำหนดให้เจ้าพนักงานมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้ไม่เกิน 10 ปี

????ดังนั้น การที่กระทรวงการคลัง ยืนยันว่าจะไม่ส่งข้อมูลรายได้จากโครงการคนละครึ่งพลัสให้กรมสรรพากร ไม่ได้หมายความว่าร้านค้ารายย่อยจะได้รับการยกเว้นภาษี หรือปราศจากการตรวจสอบภาษีแต่อย่างใด ส่วนประเด็นรายรับจากโครงการคนละครึ่งพลัสจะต้องนำมาเสียภาษีหรือไม่ และรายได้เท่าไรถึงจะต้องเสียภาษีนั้น จะได้อธิบายใน EP ถัดไป

เขียนข่าวโดย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิรนันท์ ชูชีพ

อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

(ภาคใต้โครงการปัญญาชนสาธารณะ คณะนิติศาสตร์)

ภาพข่าวโดย : นายจตุพล จันทร์มล

เจ้าหน้าที่บริหารงาน คณะนิติศาสตร์

"นิติเป็นเลิศ เทิดคุณธรรม นำยุติธรรมสู่สังคม"

•••••••••••••••••••••••••

#คณะนิติศาสตร์มอทักษิณ

#LAWLUI #LAWTSU #นิติศาสตร์

#คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ

#เรียนนิติศาสตร์ต้องเรียนที่มหาวิทยาลัยทักษิณ

#นิติเป็นเลิศ_เทิดคุณธรรม_นำยุติธรรมสู่สังคม #นิติศาสตร์มทษ

FACULTY OF LAW - TSU